บทนำ
ในมิติของการดำรงอยู่ “ยาก” และ “ง่าย” เปรียบเสมือนเงาในกระจกที่ไร้ตัวตน แต่มักฉายภาพสะท้อนให้เราหลงเชื่อว่าเป็นสิ่งแท้จริง เงานั้นเกิดจากแสงแห่งการตีความของจิตใจมนุษย์ ทว่าหากแสงนั้นดับไป เงาจะสลายหาย เหลือเพียงแก่นแท้ที่ปราศจากนิยาม การปล่อยวางจากความคิดที่ถูกตีกรอบด้วยคำว่า “ยาก” หรือ “ง่าย” คือการเปิดประตูสู่ความจริงอันบริสุทธิ์ ที่ไม่อิงแอบกับการตัดสินหรือความหมายใด ๆ
ธรรมชาติของความจริง : ยากและง่ายเป็นเพียงมายาคติ
ในห้วงลึกแห่งธรรมชาติ ทุกสิ่งดำรงอยู่ตามวิถีของมันเอง ดั่งสายน้ำที่ไหลริน ไม่เคยคร่ำครวญว่าสายน้ำตกที่รุนแรงคือความลำบาก หรือการไหลราบเรียบในลำคลองคือความง่าย มันเพียงแค่ “ไหล” เป็นตัวของมันเอง ดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างโดยไม่คำนึงว่าการขึ้นและตกของมันจะถูกมนุษย์นิยามว่า “ง่าย” หรือ “ยาก” ในที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการดำรงอยู่ที่ไม่ต้องการคำอธิบาย
คำว่า “ยาก” และ “ง่าย” เป็นเหมือนกรงที่จิตใจมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อตีกรอบสิ่งต่าง ๆ เราเฝ้ามองโลกผ่านเลนส์ที่ถูกขัดเกลาโดยประสบการณ์ ความทรงจำ และความเชื่อทางสังคม ดุจดังนักมายากลที่ปั้นแต่งภาพลวงตาให้เราหลงใหล มนุษย์ต่างนิยามทุกสิ่งในชีวิตตามมาตรวัดของตัวเอง สิ่งที่เคยดูสูงส่งเกินเอื้อมอาจเป็นเพียงเรื่องธรรมดาเมื่อกาลเวลาผ่านไป
เมื่อเรามองยอดเขาที่สูงตระหง่าน หลายคนอาจกล่าวว่าการพิชิตมันเป็นเรื่องยากลำบากเกินไป แต่สำหรับนกอินทรีที่โบยบินผ่าน ยอดเขานั้นเป็นเพียงจุดพักในห้วงฟ้า เช่นเดียวกับการมองท้องทะเลอันเวิ้งว้าง สำหรับนักว่ายน้ำที่ชำนาญ มันคือความสงบ แต่สำหรับผู้ที่หวาดกลัวน้ำ มันคือความยากลำบากที่ไร้ขอบเขต
ผู้สร้างมายาคติแห่งความยากง่าย
การนิยามว่า “ยาก” หรือ “ง่าย” ไม่ได้เป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่เป็นการสะท้อนจิตใจของมนุษย์ในขณะนั้น ดุจดังการส่องกระจก เราเห็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองและให้ความหมายกับมัน การเรียนรู้ภาษาใหม่อาจดูยากสำหรับผู้ใหญ่ที่คุ้นชินกับการพูดเพียงภาษาเดียว แต่สำหรับเด็กที่เติบโตในสิ่งแวดล้อมที่เปี่ยมไปด้วยภาษานั้น การเรียนรู้กลับกลายเป็นเรื่องง่าย
เมื่อมองย้อนกลับไป สิ่งที่เราเคยนิยามว่ายากอาจกลายเป็นเรื่องธรรมดาในวันหนึ่ง เช่นเดียวกับการปีนเขาที่ครั้งหนึ่งเคยดูเป็นเรื่องใหญ่โต แต่เมื่อเรามีประสบการณ์และมุมมองที่เปลี่ยนไป ยอดเขานั้นกลับดูเล็กลง
ความยากง่าย : เครื่องมือของจิตหรือภาพลวงตา?
ในท้ายที่สุด “ยาก” และ “ง่าย” เป็นเพียงภาพสะท้อนของการตีความในห้วงเวลาหนึ่ง การปล่อยวางจากนิยามเหล่านี้คือการมองเห็นความจริงที่ไร้การปรุงแต่ง ดุจดังสายน้ำที่ไหลโดยไม่สนใจว่าจะมีหินหรือไม่มี การใช้ชีวิตอย่างปลอดจากการตัดสินด้วยความยากง่าย ไม่เพียงช่วยปลดปล่อยจิตใจเรา แต่ยังทำให้เรามองเห็นธรรมชาติอันแท้จริงของการดำรงอยู่ในโลกนี้.
มุมมองแห่งความสัมพันธ์ : เมื่อความยากง่ายเป็นเรื่องของจิตใจ
ในกระแสแห่งการดำรงอยู่ มนุษย์คือจิตรกรผู้ใช้จิตใจเป็นพู่กัน วาดความจริงลงบนผืนผ้าใบแห่งการรับรู้ ทว่า ภาพที่ปรากฏกลับมิใช่ความจริงแท้ แต่เป็นเพียงภาพสะท้อนของตัวตนและกรอบความคิดที่ปรุงแต่ง “ความยาก” และ “ความง่าย” เป็นเพียงรอยป้ายสีที่แฝงความหมายลึกซึ้งในมุมมองของผู้สร้าง และเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทที่รายล้อม เหมือนกับเงาในกระจกที่ไร้แก่นแท้ มีอยู่แต่ไร้ตัวตนจริง
ดุจภูเขาที่สูงตระหง่านซึ่งมองเห็นจากหลากมุม คนที่ยืนอยู่เชิงเขาอาจมองว่ามันเป็นสิ่งน่าหวาดหวั่น ขณะที่ผู้ยืนอยู่บนยอดกลับมองว่ามันเป็นแค่เนินเล็กที่ผ่านพ้นมา หรือกระแสน้ำเดียวกันที่ดูสงบนิ่งเมื่อมองจากฝั่ง แต่กลับเป็นคลื่นเชี่ยวกรากสำหรับผู้ที่ต้องว่ายฝ่าข้าม สิ่งที่ “ยาก” หรือ “ง่าย” จึงขึ้นอยู่กับสายตาและจิตใจที่ตีความ
ความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจและความยากง่าย
“ยาก” และ “ง่าย” หาใช่คุณสมบัติที่แท้จริงของสิ่งใด แต่คือผลพวงของการตีความในจิตใจมนุษย์ ความยากคือการเผชิญกับขอบเขตและความคาดหวังที่ตั้งไว้ ขณะที่ความง่ายคือการปลดปล่อยจากข้อจำกัดนั้น เหมือนกับเด็กที่พยายามผูกเชือกรองเท้าในครั้งแรก เขาอาจมองว่ามันคือภารกิจที่ยากลำบาก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป และการกระทำกลายเป็นส่วนหนึ่งของความคุ้นชิน สิ่งเดิมนั้นกลับดูง่ายดาย
ในสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย บริบทยังคงเป็นตัวกำหนดความยากง่ายที่ต่างกัน เช่น การพูดในที่สาธารณะอาจเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับคนที่เติบโตในครอบครัวที่สนับสนุนการแสดงความคิดเห็น แต่สำหรับคนที่เคยถูกตำหนิทุกครั้งที่พยายามพูด สิ่งเดียวกันนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว
กำหนดนิยามของยากง่าย
บริบทคือกรอบที่หล่อหลอมความหมายของโลก น้ำที่ไหลไปตามร่องดินอาจดูง่ายเมื่อทางโล่ง แต่กลับกลายเป็นเรื่องยากเมื่อเผชิญกับก้อนหินขวางทาง เช่นเดียวกับการเดินเท้าเปล่า ชาวชนบทอาจมองว่ามันคือความเคยชินธรรมดา แต่สำหรับคนเมืองที่ต้องก้าวผ่านพื้นถนนร้อนระอุ มันอาจเป็นความยากลำบากที่ไม่น่าพิชิต ทรัพยากรและความพร้อมยังเป็นส่วนสำคัญที่เปลี่ยนแปลงบริบท การปีนเขาที่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยอาจเป็นสิ่งที่ยากลำบาก แต่สำหรับนักปีนเขาที่มีเครื่องมือครบครัน มันคือความสนุกที่ท้าทาย
มุมมองที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา
กาลเวลาคือจิตรกรที่คอยแต่งแต้มมุมมองของมนุษย์ สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นความยากในวันนี้ อาจกลายเป็นความง่ายในวันพรุ่งนี้ เช่นเดียวกับต้นไม้ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่เคยดูเกินความสามารถในวัยเยาว์ อาจกลายเป็นเรื่องธรรมดาในวันที่เราเข้าใจมันมากขึ้น หรือในทางกลับกัน สิ่งที่เคยดูง่ายในวัยที่ยังมีพละกำลัง อาจกลายเป็นความท้าทายยิ่งใหญ่เมื่อกาลเวลาทำให้เราโรยรา
การก้าวข้ามกรอบของความยากง่าย
เมื่อเราตระหนักว่า “ยาก” และ “ง่าย” เป็นเพียงภาพสะท้อนในกระจก เราสามารถปล่อยวางความยึดติดเหล่านั้นและมองโลกอย่างเป็นกลาง เช่นเดียวกับนักเดินทางที่ลืมเรื่องความคดเคี้ยวของเส้นทาง หากเราเลิกตัดสินสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่ามันยากหรือง่าย เราจะสามารถเดินไปข้างหน้าโดยปราศจากความลังเล
การประยุกต์ปรัชญาพุทธและเซน : ปลดปล่อยจากกรอบแห่งความยากง่าย
ในมิติของเซนและพุทธศาสนา ความยากง่ายเป็นเพียงม่านหมอกแห่งมายาที่จิตใจสร้างขึ้นมาเอง คล้ายกับดวงจันทร์ที่สะท้อนในบึงน้ำ ดวงจันทร์นั้นไม่เคยอยู่ในน้ำ แต่เราก็ยึดติดว่ามันอยู่ตรงนั้น
ปรัชญาเซนเชิญชวนให้เราละวางกรอบแห่งการตัดสิน ไม่ใช่ว่าจะมองสิ่งต่าง ๆ ว่า “ยาก” หรือ “ง่าย” แต่ให้เรามองเห็นสิ่งเหล่านั้นในฐานะที่มัน “เป็น” เมื่อปล่อยวางความยึดมั่นในคำตัดสิน ความยากง่ายที่เคยเหมือนโซ่ตรวน จะคลายออก และเราจะเป็นอิสระที่จะดำเนินไป
ในพุทธศาสนา แนวคิด “อนิจจัง” คือสายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดไหล สิ่งที่เรามองว่ายากในวันนี้ อาจกลายเป็นเพียงเรื่องราวที่เราเล่าด้วยรอยยิ้มในวันพรุ่งนี้ เช่นเดียวกับเมล็ดพันธุ์ที่ถูกฝังในดินลึก มันอาจรู้สึกว่าการเติบโตเป็นเรื่องลำบาก แต่เมื่อมันสัมผัสแสงแรกของดวงอาทิตย์ สิ่งที่เคยยากกลับกลายเป็นความงดงามที่ยากจะหาสิ่งใดเทียบ
การพัฒนาตัวเองและบทบาทของเวลาในนิยามความยากง่าย
เวลาเปรียบเสมือนช่างแกะสลักผู้เงียบขรึม ที่สลักเสลาเราไปทีละเสี้ยวโดยไม่ส่งเสียงเตือนใด ๆ ในความเป็นนิรันดร์ของมัน ทุกขณะคือบทเรียน ทุกอณูของการดำรงอยู่คือเครื่องมือแห่งการเติบโต ความยากและง่ายจึงไม่ต่างจากแสงสะท้อนบนกระจกน้ำ ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามสายลมและแสงเงา หากเราปรับตนเองให้กลมกลืนกับกระแสแห่งเวลา สิ่งที่เคยดูเหมือนหุบเหวลึกอันน่ากลัว อาจกลายเป็นสะพานเชื่อมสู่ฟากฝั่งใหม่ของชีวิต
ความยากง่ายจึงไม่ใช่แค่เรื่องของอุปสรรคภายนอก หากแต่เป็นบทสนทนาภายในใจที่เราเลือกจะตอบสนอง การพัฒนาตนเองนั้นเปรียบได้กับการฝึกจิตรกรให้วาดภาพในแสงสลัวของยามค่ำคืน—มันคือการเพิ่มความชำนาญในสิ่งที่มองไม่เห็นและการเรียนรู้ที่จะเต้นรำไปกับเงาของตัวเอง
ผลลัพธ์ของการปลดปล่อยจิตใจ
“ยาก” และ “ง่าย” เป็นเพียงมายาภาพที่จิตมนุษย์สร้างขึ้นเพื่ออธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทว่าความจริงแท้ของการดำรงอยู่หาได้ขึ้นอยู่กับนิยามเหล่านั้น ธรรมชาติเดินหน้าตามวิถีแห่งสมดุล ดุจสายน้ำที่ไหลไม่หยุดหรือแสงอาทิตย์ที่สาดส่องโดยปราศจากการตัดสิน การปล่อยวางจากกรอบความคิดที่ตีตราว่าสิ่งใด “ยาก” หรือ “ง่าย” คือการปลดปล่อยตนเองจากเงื่อนไขที่ผูกมัด เพื่อมองเห็นความจริงอันบริสุทธิ์ที่ไร้การปรุงแต่ง และเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงในความงามของความเป็นจริงที่ไม่ต้องการการนิยามใด ๆ
แหล่งอ้างอิง
- THE LIBRARY (ปรัชญาแห่งความเรียบง่าย สู่บทเรียนความสุขที่ใช้ได้ “ตลอดชีวิต” (The monk who sold his ferrari) | TLP)
- Roundfinger Channel (คำสอนเซน เพื่อชีวิตที่ไร้กังวล / HND! โดย นิ้วกลม)
- มายาการแห่งอัตลักษณ์: ความหลงผิดว่าด้วยอัตลักษณ์กับการแยกขั้วแยกข้างในสังคม