ในยุคดิจิทัลเช่นทุกวันนี้ การซื้อขายออนไลน์หรือการเทรดออนไลน์ ได้กลายเป็นช่องทางการลงทุนในตลาดการเงินที่ได้รับความนิยม และสามารถเข้าถึงได้ทุกคน ไม่ว่าคุณจะสนใจหุ้น ฟอเร็กซ์ สกุลเงินดิจิทัล หรือสินค้าโภคภัณฑ์ การการเทรดออนไลน์ ช่วยให้คุณซื้อและขายตราสารทางการเงินได้ง่ายขึ้นโดยตรงผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนของคุณ
บทความนี้จะอธิบายพื้นฐานของการเทรดออนไลน์ ให้ข้อมูลภาพรวมเกี่ยวกับประเภทของสินทรัพย์ของการเทรดออนไลน์ เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นเส้นทางการเทรดได้อย่างมั่นใจ หากคุณเคยสงสัยว่าจะเทรดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร คู่มือนี้จะให้ข้อมูลและความรู้ที่จำเป็น
การเทรดออนไลน์ คืออะไร?
การเทรดออนไลน์ หมายถึงการซื้อและขายหลักทรัพย์ เช่น หุ้น โภคภัณฑ์คู่สกุลเงินสกุล เงิน ดิจิทัล ตลาด กองทุนซื้อขายล่วงหน้า (ETF) อนุพันธ์ พันธบัตร ฯลฯ โดยใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ แพลตฟอร์มดังกล่าวอาจเป็นแบบเว็บไซต์หรือแอปมือถือ
สำหรับการซื้อขายออนไลน์ บุคคลทั่วไปจะต้องเปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ก่อนก่อนทำการซื้อขาย ซึ่งจะช่วยให้วางคำสั่งซื้อและขายได้ง่ายขึ้น
ประเภทของการเทรดออนไลน์
การซื้อขายสินทรัพย์ออนไลน์ในปัจจุบัน มีสินทรัพย์ที่นักลงทุนนิยมเทรดมากที่สุดดังนี้คือ
1.การเทรดหุ้น
การซื้อขายหุ้น เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายหุ้นของบริษัทต่างๆ เพื่อทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคารายวันและรายสัปดาห์
การซื้อขายระยะสั้นนี้ ทำให้ผู้ซื้อขายหุ้นแตกต่างจากนักลงทุนในตลาดหุ้นแบบดั้งเดิม ที่มักจะลงทุนในตลาดหุ้นในระยะยาว
การซื้อขายหุ้นสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็วสำหรับผู้ที่จับจังหวะตลาดได้ถูกต้อง แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนจำนวนมากเช่นกัน มูลค่าของบริษัทเพียงแห่งเดียวอาจเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าตลาด แต่ก็อาจลดลงได้ง่ายเช่นกัน
2.การเทรดฟอเร็กซ์
การซื้อขายฟอเร็กซ์ คือการซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่งพร้อมกันเพื่อทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวระหว่างสองสกุลเงิน (เช่น EUR/USD ) โดยวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้:
- การซื้อในราคาต่ำและการขายในราคาสูงของคู่สกุลเงิน โดยคาดการณ์ว่าสกุลเงินฐาน (สกุลเงินทางซ้าย) จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอ้างอิง (สกุลเงินทางขวา)
- การขายในราคาสูงและการซื้อในราคาต่ำของคู่เงิน โดยคาดการณ์ว่าสกุลเงินฐานจะลดค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอ้างอิง
- ศึกษาเทคนิคในการเทรดForex
3.การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์
เช่นเดียวกับหุ้นและสกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์เป็นสินทรัพย์ที่มีการซื้อขายกันอย่างแพร่หลาย โดยทั่วไปสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายกันจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทกว้างๆ ได้แก่ โลหะ พลังงาน เกษตรกรรม ปศุสัตว์ และเนื้อสัตว์
- สินค้าโลหะ ได้แก่ ทองคำ เงิน แพลตตินัม และทองแดง
- สินค้าโภคภัณฑ์พลังงาน ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันเตา ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเบนซิน
- สินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร ได้แก่ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าว โกโก้ กาแฟ ฝ้าย และน้ำตาล
- สินค้าปศุสัตว์และเนื้อสัตว์ ได้แก่ หมูเนื้อแดง เนื้อหมูสามชั้น วัวมีชีวิต และวัวขุน
4.การเทรดคริปโต
การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของราคาภายในตลาดที่มีความผันผวน ซึ่งแตกต่างจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
ตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันในสัปดาห์ ทำให้ผู้ซื้อขายมีโอกาสมากมายในการทำกิจกรรมการซื้อขายได้ตลอดเวลา การดำเนินการอย่างต่อเนื่องนี้เกิดขึ้นได้ผ่านเครือข่ายแบบกระจายอำนาจที่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน
ขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นเทรดในตลาด Forex
สำหรับท่านที่ต้องการเริ่มต้นซื้อขายในตลาด Forex นี่คือขั้นตอนสำคัญที่ทุกท่านควรรู้ ได้แก่
ขั้นตอนที่ 1: เรียนรู้เกี่ยวกับตลาด Forex
เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับตลาด Forex ซึ่งรวมถึงเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้ได้แก่
- โครงสร้างตลาดฟอเร็กซ์
- ผู้เข้าร่วมตลาด Forex
- คำศัพท์ที่สำคัญ
- ปัจจัยที่มีอิทธิพลและขับเคลื่อนตลาด
- และอื่น ๆ…
การเข้าใจพื้นฐานการซื้อขาย Forex เป็นอย่างดีจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีอยู่ เพิ่มพูนทักษะการซื้อขาย และช่วยเหลือคุณในการใช้เครื่องมือและทรัพยากรการซื้อขายที่สำคัญ
ขั้นตอนที่ 2: เลือกโบรกเกอร์
โบรกเกอร์เป็นผู้ให้การเข้าถึงตลาด Forex ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากโบรกเกอร์คือหุ้นส่วนในการซื้อขายของคุณ
ปัจจัยบางประการที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์ Forex ได้แก่:
- กฎระเบียบ – จำนวนใบอนุญาตและเขตอำนาจศาลที่โบรกเกอร์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ ความปลอดภัยของเงินทุน บริการที่โปร่งใส และเกณฑ์อื่นๆ
- แพลตฟอร์มการซื้อขาย – ประเภทของแพลตฟอร์มการซื้อขายที่นำเสนอ ความน่าเชื่อถือ สินทรัพย์ที่สามารถซื้อขายได้ กลยุทธ์อัตโนมัติ ฟังก์ชันในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ ความสะดวกในการใช้งาน ต้นทุนการซื้อขาย และอื่นๆ เป็นต้น
- ทรัพยากรการซื้อขาย – โบรกเกอร์ควรมีจัดเตรียมปฏิทินเศรษฐกิจ, เอกสารการศึกษา, บัญชีทดลอง, เครื่องคิดเลขการซื้อขาย, เครื่องมือควบคุมความเสี่ยง และอื่นๆ ให้กับคุณ
- วิธีชำระเงิน – จะต้องมีตัวเลือกการชำระเงินที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย การฝากเงินที่รวดเร็ว และที่สำคัญที่สุดคือการถอนเงินที่ไม่ยุ่งยาก
- บริการลูกค้า – โบรกเกอร์ควรมีความเป็นมืออาชีพ และให้การสนับสนุนที่เป็นเลิศ
รวมโบรกเกอร์ Forex จากทั่วโลก ที่เหมาะสมกับคนไทย โดยแบ่งแยกเป็นตามประเภทต่างๆ
ขั้นตอนที่ 3: เปิดบัญชีซื้อขาย
หลังจากเลือกโบรกเกอร์แล้ว คุณควรเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายสินทรัพย์ Forex ที่คุณต้องการ
- ตรวจสอบตัวเลือกบัญชีที่เสนอให้ดีและเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
- สำหรับเทรดเดอร์ทุกคน โดยเฉพาะมือใหม่ ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลองเพื่อฝึกฝนการเทรดโดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริงในตลาด
- เมื่อคุณพร้อมที่จะเทรดเพื่อทำกำไรจริง คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้บัญชีเทรดเงินจริงได้
ขั้นตอนที่ 4: เตรียมแผนการซื้อขาย
แผนการซื้อขาย คือแผนที่ชัดเจนและมีรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีที่คุณตั้งใจจะซื้อขาย แผนนี้จะช่วยให้คุณดำเนินการตามแผนได้โดยยึดมั่นกับเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ซื้อขายแบบสุ่ม แผนการซื้อขายจะระบุถึงรายละเอียดด้านต่างๆ เช่น:
- กลยุทธ์การซื้อขาย
- เป้าหมายและความทะเยอทะยานในการซื้อขาย
- การจัดการความเสี่ยง
- บันทึกการซื้อขาย
- กฎการซื้อขายโดยรวม
- จิตวิทยาการซื้อขาย
แผนการซื้อขายจะช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างวินัยในการซื้อขายที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในตลาด Forex
ขั้นตอนที่ 5: เลือกคู่ Forex ที่จะซื้อขาย
- ในตลาด Forex คุณสามารถซื้อขายคู่สกุลเงินต่างๆ มากมาย ซึ่งอยู่ในหมวดหมู่กว้างๆ ได้แก่ คู่สกุลเงินหลัก คู่สกุลเงินรอง และคู่สกุลเงินพิเศษ
- คู่สกุลเงินแต่ละคู่มีความแตกต่างกันในระดับสภาพคล่องและความผันผวน
- สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเลือกคู่ที่มีสภาพคล่องสูงและสเปรดต่ำ นอกจากนี้ ควรซื้อขายสินทรัพย์ที่มีการรายงานข่าวในสื่อจำนวนมาก เพื่อให้มีข้อมูลพร้อมใช้งานเพื่อช่วยให้คุณวิเคราะห์ได้อย่างมีคุณภาพและครอบคลุม เช่น EURUSD, GBPUSD, USDJPY, USDCHF เป็นต้น
ขั้นตอนที่ 6: วิเคราะห์ตลาด
เมื่อคุณทำการซื้อขาย Forex กำไรหรือขาดทุนของคุณจะถูกกำหนดโดยราคาเข้าและออกในตลาด คุณต้องทำการวิเคราะห์สินทรัพย์ที่คุณต้องการเพื่อระบุโอกาสที่ดีที่สุดในตลาด ตลอดจนจุดราคาที่เหมาะสมที่สุดเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์จะใช้การวิเคราะห์ 2 ประเภทใน ตลาด Forex ได้แก่
1.การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- ใช้รูปแบบต่างๆ บนแผนภูมิราคา วัตถุกราฟิก และฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงราคาในอนาคต
- ศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจในตลาดมากยิ่งขึ้น
2.การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
- อาศัยการประเมินปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อราคาสินทรัพย์ เพื่อกำหนดมูลค่าตลาด
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีกลยุทธ์ที่ถูกต้องหรือผิด และไม่มีกลยุทธ์ที่เหนือกว่า เทรดเดอร์ทุกคนควรมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการวิเคราะห์ทุกประเภท การใช้การวิเคราะห์มากกว่าหนึ่งประเภทสามารถช่วยเปิดเผยโอกาสใหม่ๆ และเปิดเผยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยประสบการณ์ คุณจะปรับแต่งกลยุทธ์ให้เหมาะกับรูปแบบและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคุณ
ขั้นตอนที่ 7: ซื้อหรือขาย
- เมื่อคุณวิเคราะห์คู่สกุลเงินที่เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะซื้อหรือขาย
- ในตลาด Forex คุณจะซื้อ (ซื้อแบบ long) เมื่อคุณคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะเพิ่มขึ้น ในทำนองเดียวกัน คุณจะขาย (ขายแบบ short) เมื่อคุณคาดว่าราคาของสินทรัพย์อ้างอิงจะลดลง
ขั้นตอนที่ 8: การจัดการความเสี่ยง
ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยโอกาส แต่ก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน หากต้องการมีโอกาสประสบความสำเร็จและรักษาความสำเร็จเอาไว้ได้ คุณจะต้องมีแผนการจัดการความเสี่ยงที่มั่นคง
ความเสี่ยงบางประการที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเผชิญในตลาด ได้แก่:
- ความเสี่ยงจากความผันผวน
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
- ความเสี่ยงจากการใช้ประโยชน์
- ความเสี่ยงทางการตลาด
- เทคนิคการบรรเทาความเสี่ยง
ขั้นตอนที่ 9: ตรวจสอบตำแหน่งของคุณ
ตลาด Forex มีความเปลี่ยนแปลงและผันผวนสูง ซึ่งนำมาซึ่งโอกาสและความเสี่ยงมากมาย นี่คือสาเหตุว่าทำไมจึงสำคัญมากที่จะต้องตรวจสอบสถานะการซื้อขายของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าสถานะการซื้อขายสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดในขณะนั้น
อย่าละเลยที่จะติดตามสถานะของคุณ เพราะการซื้อขายที่ดีอาจกลายเป็นการซื้อขายที่แย่ได้ และในทางกลับกัน การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจะช่วยให้คุณลดการสูญเสียหรือเพิ่มผลกำไรจากการซื้อขายได้
กลยุทธ์บางประการในการติดตามตำแหน่งการซื้อขายของคุณอย่างเหมาะสม ได้แก่:
- ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
- การตั้งค่าการแจ้งเตือน
- ติดตามนักเทรดชั้นนำและคนอื่นๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย
- ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติการตรวจสอบและการรายงานที่มีให้ผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายและแอป
ขั้นตอนที่ 10: ปิดการซื้อขายของคุณ
หลังจากเปิดสถานะและตรวจสอบสถานะแล้ว การตัดสินใจสำคัญต่อไปคือเมื่อใดควรปิดสถานะ การปิดสถานะการซื้อขายจะกำหนดว่าคุณจะได้รับกำไรหรือขาดทุน กลยุทธ์การออกจากสถานะที่ดีจะทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นในตลาด และคุณจะไม่ปล่อยให้มีกำไรดีๆ หลุดลอยไป
คุณสามารถปิดการซื้อขายของคุณได้เมื่อ:
- มันกระทบกับระดับ stop loss หรือ take profit ที่คุณกำหนดไว้
- เซสชัน/สัปดาห์การซื้อขายสิ้นสุดลงแล้ว และจะมีความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดในเซสชัน/สัปดาห์ใหม่
- คุณต้องหลีกเลี่ยงการเรียกหลักประกัน
- โอกาสใหม่ที่ทำกำไรได้เกิดขึ้นแล้ว และคุณต้องการปลดปล่อยเงินทุน
- สถานการณ์ตลาดเปลี่ยนไป และการวิเคราะห์เบื้องต้นของคุณก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป
สรุปท้ายบท
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด เราจะสรุปเพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจเกี่ยวกับการเทรดออนไลน์ ดังนี้
- แม้ว่าการเทรดออนไลน์ อาจเป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้ก็จริง แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้ถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้วย
- การเทรดออนไลน์มีประโยชน์มากมาย เช่น ความสะดวกสบาย ความเร็ว ต้นทุนที่ลดลง และความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณควรคำนึงถึงข้อเสีย เช่น ปัญหาทางเทคนิค การละเมิดความปลอดภัยทางไซเบอร์ การซื้อขายตามอารมณ์ และความสามารถในการตีความข้อมูลที่จำกัดของนักลงทุน ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนจะต้องเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการเทรดออนไลน์อย่างถูกต้องก่อน แล้วจึงตัดสินใจว่าควรเทรดหรือไม่
- การเทรดออนไลน์ จำเป็นต้องใช้บริการโบรกเกอร์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุน ความต้องการทางการศึกษา และรูปแบบการเรียนรู้ของคุณ โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
- การเทรดออนไลน์ต้องอาศัยการฝึกฝน การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถทำกำไรจากการเทรดได้ น้อยคนที่จะได้กำไรตามเป้าตั้งแต่การเทรดครั้งแรก ทุกอย่างต้องอาศัยเวลาทั้งหมด
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเรื่องการเทรดออนไลน์ ที่มือใหม่ควรทราบ ก่อนเริ่มต้นเทรดออนไลน์ เพื่อให้คุณไม่เสี่ยงกับการเทรดออนไลน์มากเกินไป แนะนำว่า ทุกท่านควรศึกษาเพิ่มเติมจนมั่นใจเสียก่อน แล้วจึงเริ่มต้นเทรด แบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงได้เยอะทีเดียว สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการเทรดออนไลน์อย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้